"การเอาไขควงไปตอกตะปู ตอกยากฉันใด
การมอบหมายงานให้คนที่ไม่ใช่ ก็สำเร็จยากฉันนั้น”
ใช้คนให้เหมาะกับงาน
จริงอยู่ที่การทำงานเป็นทีม
ช่วยทำให้งานสำเร็จลุล่วงได้ดีขึ้นและเร็วขึ้น
แต่การที่จะทำให้เกิดผลลัพธ์แบบนั้นได้
ภายในทีมของเราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง
มีการจัดสรร แบ่งปันบทบาทหน้าที่การทำงาน
กันอย่างชัดเจนและเหมาะสม
ตรงตามความสามารถและความต้องการของแต่ละคน
เราลองสมมติง่ายๆ ก็ได้ว่า
หากเรากำลังจะเปิดบริษัท
รับจ้างผลิต Content ให้กับแบรนด์ต่างๆ
อย่างน้อยที่สุด ลูกทีมที่เราจำเป็นต้องมีคือ
คนทำคำ และ คนทำรูป
ซึ่งแน่นอนว่า หากเราสามารถหาคนเพียงคนเดียว
ที่ทำทั้ง 2 อย่างได้พร้อมกันมันก็คงดีไม่น้อย
แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราคิดว่า
คนที่คิดคำและทำภาพได้พร้อมกัน
จะสามารถแบกรับปริมาณงานได้มากเท่าไร
และจะสามารถผลิตชิ้นงานออกมาได้มีคุณภาพมากน้อยแค่ไหน
หากต้องเจอกับแรงกดดันของปริมาณงาน
และกำหนด Dead Line ที่ลูกค้าต้องการ
ไม่ใช่เรื่องผิดที่เราอยากมีลูกทีมหนึ่งคนที่ทำงานได้หลายหลาก
แต่ในความเป็นจริงไม่มีใครอยากทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน
ทุกคนล้วนต้องการทุ่มเทและให้เวลา
กับสิ่งที่ตนเองชอบ งานที่ตนเองถนัด
และรักที่จะทำมันมากที่สุด
การกำหนดบทบาทหน้าที่การทำงานภายในทีม
จึงมีส่วนสำคัญมาก ทั้งต่อคุณภาพงาน
และความรู้สึกของทุกคนในทีม
ซึ่งในฐานะผู้นำหรือหัวหน้าทีมแล้ว
หากเราไม่สามารถจัดแบ่งหน้าที่ได้ตรงตามทักษะที่เหมาะสม
และตรงตามความต้องการของลูกทีมแล้วล่ะก็
มันถือเป็น “งานหนัก” ที่เราต้องคอยตามควบคุมคุณภาพงาน
และบริหารลูกทีมให้ทำหน้าที่ของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จงทำความรู้จักลูกทีมของตัวเองให้มาก
เพราะแท้จริงแล้วสิ่งที่เขาทำได้ดีอาจไม่ใช่สิ่งที่เขาทำอยู่
จงเอาใจใส่และรับรู้ความรู้สึกของลูกทีมตัวเองให้ดี
เพราะแท้จริงแล้ว สิ่งที่เขาทำอยู่อาจไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดี
ดูแลลูกทีมของเราให้เขาได้ทำงานตาม Job Description
อย่าพยายามผลักดันให้เขาก้าวไปรับผิดชอบงานอื่นๆ
นอกเหนือจากเดิม โดยที่เขายังไม่พร้อม
และเรายังไม่รู้จักเขาดีพอ
เพราะนอกจากจะทำให้งานล่าช้า
และเสี่ยงต่อการด้อยคุณภาพแล้ว
เรายังอาจกำลังทำให้ตัวเอง
ต้องตกอยู่ในสภาพพร้อมที่จะสูญเสีย
ทั้งคน ทั้งงาน และความสำเร็จของธุรกิจเราด้วย
...ก็เป็นได้...